การจะปล่อยบ้านให้เช่านั้น ผู้ให้เช่าจำเป็นต้องดูองค์ประกอบของตัวผู้เช่าหลายประการ เพราะจะเป็นการป้องกันในหลายเรื่องเพื่อมิให้เกิดปัญหากวนใจในภายหลัง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้เช่าเป็นผู้เช่าที่ดีอย่างที่เราต้องการหรือไม่ ลองมาดูปัจจัยในตัวผู้เช่าที่ทำให้เราสามารถคัดกรองก่อนตัดสินใจให้เช่าบ้านได้   1.เหตุผลที่ย้ายบ้านเช่า โดยตั้งคำถามว่า ทำไมจึงย้ายบ้านเช่า คำตอบจะช่วยคุณประเมินผู้เช่าได้ในระดับหนึ่ง  เช่น ย้ายเพราะต้องมาทำงานแถวนี้  หรือย้ายเพราะใกล้โรงเรียนของลูก หรืออาจจะย้ายเพราะไม่ชอบเพื่อนบ้าน เป็นต้น เพราะเราต้องเข้าใจว่าบางครั้งเพื่อนบ้านที่รบกวนก็ทำให้ผู้เช่าอยากเปลี่ยนที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน แต่ถ้าอยากรู้ว่าย้ายเพราะมีปัญหากับเจ้าของเดิมก็อาจทำได้ยากเพราะคงไม่มีใครอยากบอกความจริงในเรื่องนี้   2.กำหนดการเข้าอยู่อาศัย ถ้าคุณเจอผู้เช่าที่ประเภทขอเช่าอยู่พรุ่งนี้วันมะรืนนี้เลย คุณก็อาจสงสัยว่าทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น มีปัญหาอะไรกับเจ้าของบ้านเดิมหรือเปล่า การคัดเลือกผู้เช่าหากคุณรู้สึกว่าไม่ใช่ก็ไม่ควรรีบร้อนรับคนเช่าเข้ามาทันทีเพราะอาจนำปัญหามาให้แก้ทีหลังได้   3.คิดว่าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านควรตระหนัก เพราะหมายถึงการต้องหาคนเช่าบ้านใหม่ ซึ่งก็ต้องทำสัญญากันให้ดี อย่างน้อยก็ 1 ปี หากอยู่ต่ำกว่านั้นก็มีสิทธิ์ริบเงินมัดจำได้ ผู้เช่าบางรายอาจให้คำมั่นสัญญาแก่เราด้วยปากเปล่าว่าจะอยู่ถึง 3 ปี  ซึ่งเราก็ต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป   4.ผู้เช่าทำงานอะไร การได้สอบถามในเรื่องของการทำงาน จะทำให้คุณประเมินผู้เช่าได้ในระดับหนึ่งว่าเขาจะไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าเช่าล่าช้า แต่ถ้าคุณไม่รู้ในจุดนี้เลยก็จะทำให้คุณไม่สามารถตอบคำถามให้กับตนเองได้ว่าคนที่คุณให้เช่านั้นแท้จริงเขาทำงานอะไรกันแน่ การถามจึงเป็นการได้มาซึ่งคำตอบที่ดีที่สุด   5.พร้อมจ่ายค่ามัดจำหรือไม่ สัญญาณการเช่าจะเกิดโดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีการวางเงินค่าเช่าหรือเงินมัดจำ หากผู้เช่าไม่พร้อมจ่าย นั่นหมายความว่าอาจจะมีปัญหาทางการเงิน คุณอาจจะสแกนผู้เช่าได้จากตรงนี้ แล้วทำการเลือกผู้เช่าที่มีความพร้อมรายอื่นต่อไป   6.จำนวนผู้อยู่อาศัยทั้งหมด เป็นการดีที่คุณจะทราบจำนวนผู้อยู่อาศัย เพราะคุณสามารถประเมินการรักษาบ้านได้เป็นอย่างดี…

เรื่องที่อยู่อาศัยเป็นอะไรที่ต้องคิดกันให้มาก ๆ เพราะหมายถึงเงินหรือค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายอยู่ทุกเดือน ระหว่างการซื้อบ้านกับเช่าบ้านอย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน เราคงต้องมาชั่งน้ำหนัก บางคนตัดสินใจเช่าบ้านนั่นเพราะเขาคิดว่าดีกว่าซื้อส่วนบางคนซื้อบ้านเพราะคิดว่าดีกว่าเช่า ซึ่งวันนี้เราก็มีหลักในการคิดว่าจะซื้อหรือเช่าดีมาฝากกัน   1.คำนวณค่าบ้านพร้อมดอกเบี้ยเมื่อผ่อนเสร็จ การที่เราจะซื้อบ้านสักหลัง ต้องดูที่ความจริงเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ที่เมื่อส่งไปตามจำนวนปีที่กำหนด คุณจะพบว่าค่าบ้านพร้อมดอกเบี้ยเป็นจำนวนเกือบเท่าตัวหรือพูดง่าย ๆ คือแทบจะซื้อบ้าน 2 หลังได้เลย เมื่อผ่อนหมด หลายคนอาจจะยอมเก็บเงินไว้ก่อนแล้วค่อยซื้อเงินสดทีเดียวเลย แต่บางคนเห็นว่าทำเลดีสามารถค้าขายได้ ซึ่งถ้าซื้อบ้านหลังนี้ในเวลานี้ก็ยังดีกว่าเช่า เพราะมองเห็นโอกาสที่จะค้าขายสร้างรายได้จากบ้านนั่นเอง   2.ข้อดีของการเช่าบ้าน ทีนี้เรามาดูแนวคิดสำหรับการเช่าบ้านกันบ้าง บางคนบอกว่าเดี๋ยวเดือนเดี๋ยวเดือนต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน แต่คุณก็ได้ประโยชน์จากการอยู่อาศัย อาจจะอยู่ใกล้ที่ทำงาน การเดินทางไปมาสะดวก ไม่มีภาระผูกพัน ถ้าหากอยากย้ายเมื่อไรก็แจ้งเจ้าของบ้านล่วงหน้า และถ้าหากพบว่าสิ่งแวดล้อมไม่น่าอยู่ ก็สามารถเลือกไปอยู่ที่ใหม่ได้ หลายคนจึงคิดว่าการเช่าบ้านเป็นทางเลือกที่ดีกว่า   3.คิดอย่างรอบคอบก่อนซื้อหรือเช่าบ้าน บางคนซื้อบ้านเพื่อการลงทุน เช่น ซื้อบ้านในปีนี้ อีก 10 ปีต่อมา บ้านและที่ดินมีราคาสูงขึ้น อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มีการซื้อบ้าน แต่สำหรับคนที่เช่าบ้านอาจเป็นคนที่เริ่มวัยทำงานการเงินยังเป็นแค่เริ่มต้นหากซื้อบ้านลงไปอาจมีปัญหาในภายหลังได้ การเช่าบ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดี คล้าย ๆ กับเก็บเงินหรือรอให้เงินเดือนสูงขึ้นเพียงพอที่จะผ่อนบ้านได้อย่างไม่รู้สึกเป็นภาระหนัก   4.ซื้อหรือเช่าขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ หลายคนซื้อบ้านเพื่อปล่อยให้เช่า เพราะมีกำลังในการซื้อบ้าน และสามารถบริหารจัดการในการชำระหนี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อมีหลังแรกก็ซื้อหลังสองและสามต่อไป…

สำหรับคนที่กำลังผ่อนบ้านอยู่นั้น หากไม่มีปัญหาการผ่อนบ้าน เงินในแต่ละเดือนสามารถจัดสรรได้อย่างลงตัว ก็ไม่ต้องกลัวว่าบ้านจะโดนยึดแต่อย่างใด แต่สำหรับคนที่สร้างหนี้ไว้หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้อื่น ๆ ก็ตาม แล้วเกิดอาการที่เรียกว่าหมุนเงินไม่ทัน หรือเงินไม่พอชำระหนี้ในแต่ละแห่ง และบานปลายมาถึงการไม่สามารถชำระหนี้ค่าบ้านได้ เคสแบบนี้มีให้เห็นมากมาย และการถูกยึดบ้านก็มีให้เห็นเป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่ผ่อนส่งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้บ้านโดนยึด ดังนั้นวันนี้เรามาหาวิธีที่จะไม่ให้บ้านถูกยึดจากธนาคารกันดีกว่า   1.จัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้ ข้อนี้สำคัญมากๆ เลย ขอให้คุณจดรายการหนี้สินทั้งหมดของคุณออกมา แล้วจัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้เสียใหม่โดยให้การผ่อนชำระหนี้ค่าบ้านเป็นการจัดลำดับความสำคัญในอันดับต้น ส่วนหนี้สินอื่น ๆ นั้น ให้คุณจัดลำดับความสำคัญและหาวิธีชำระหนี้สินในหนทางที่สามารถทำได้ และหาทางเพิ่มรายได้ด้วยการทำอาชีพเสริม เพื่อที่จะมีเงินเพียงพอมาชำระหนี้อย่างไม่ติดขัด   2.การเจรจาขอประนอมหนี้ คุณควรศึกษาวิธีการประนอมหนี้ของแต่ละธนาคาร เมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณส่งบ้านไม่ไหวแน่ ๆ คุณควรเข้าไปเจรจากับธนาคารเพื่อจะได้ผ่อนปรนในการชำระหนี้ อาจจะขยายเวลาการชำระหนี้ออกไป ซึ่งคุณอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมหรืออัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มนิดหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าที่คุณจะปล่อยให้บ้านโดนยึด   3.ส่งบ้านไม่ไหวอย่านิ่งนอนใจ ถ้าคุณเห็นท่าว่าคุณจะส่งบ้านไม่ไหวในเดือนนี้ อย่ารอให้มีจดหมายทวงหนี้มา ควรรีบติดต่อกับธนาคารทันที เพื่อให้ธนาคารดำเนินการผ่อนปรน อาจให้คุณขยายเวลาชำระหนี้ หรืออาจใช้มาตรการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้คุณหายใจหายคอได้คล่อง ดีกว่าคุณปล่อยเลยตามเลย   4.ขอปรับโครงสร้างเงินกู้ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถผ่อนบ้านได้โดยไม่โดนยึด ธนาคารอาจขยายระยะเวลา หรือให้คุณผ่อนชำระหนี้ในอัตราที่ต่ำ…

ในการซื้อบ้านนั้นจำเป็นต้องมีความพร้อมในหลายด้านการซื้อบ้านในขณะที่คุณไม่พร้อมอาจนำปัญหามาให้ภายหลังและสร้างความเครียดได้ดังนั้นเรามาดูกันว่ามีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่าเรายังไม่พร้อมจะซื้อบ้านบ้างเพื่อจะเป็นเครื่องหมายให้คุณหยุดคิดก่อนตัดสินใจ ซึ่งการซื้อบ้านสักหลังนั้นคุณต้องพร้อมจริง ๆ และมีรายการไหนบ้างที่บอกว่าคุณไม่พร้อม ลองมาดูไปพร้อมกันเลย   1.ไม่มีเงินสำหรับดาวน์บ้าน จุดเริ่มต้นของการมีบ้านก็คือการมีเงินดาวน์บ้านแล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละโครงการว่าจะให้ดาวน์บ้านเท่าไหร่แต่ปัญหาที่แท้จริงคือคุณไม่มีเงินดาวน์บ้าน ซึ่งถ้าคุณพบปัญหานี้บ่งบอกได้เลยว่าคุณยังไม่พร้อมต้องเก็บเงินก่อน แต่ถ้าคุณมีเงินสำหรับดาวน์บ้านแสดงว่าคุณมีความพร้อมในระดับหนึ่งทีเดียว   2.เครดิตทางการเงินไม่ดี ถ้าคุณมีเครดิตทางการเงินที่ดีการยื่นกู้ก็จะทำได้อย่างง่ายดายการอนุมัติก็จะทำได้เร็วและคุณจะได้เงินที่เพียงพอสำหรับราคาบ้านด้วยแต่ถ้าหากคุณมีเครดิตทางการเงินไม่ดีก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจไม่น้อยเพราะธนาคารที่จะปล่อยให้กู้ก็ต้องพิจารณาคุณสมบัติด้วยเช่นกันทางที่ดีคุณควรสร้างเครดิตทางการเงินให้พร้อมเสียก่อนเวลามายื่นขอกู้บ้านจะได้ผ่าน   3.อัตราดอกเบี้ยสูงไปไหม ในการกู้ซื้อบ้านจะมีเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเข้ามาเกี่ยวข้องถ้าอัตราดอกเบี้ยสูงมากเกินไปคุณก็ควรชะลอการซื้อบ้านไว้ก่อนเพราะถ้าเกิดปัญหาหมุนเงินไม่ทันดอกเบี้ยจะทบต้นทำให้คุณหมดกำลังใจในการส่งบ้านและอาจปล่อยให้ธนาคารยึดในที่สุด   4.การงานมั่นคงหรือไม่ คุณต้องคำนวณรายรับรายจ่ายให้ดีๆก่อนซื้อบ้านถ้าคุณมีเงินเดือนน้อยการผ่อนบ้านที่เกินกำลังจะทำให้คุณเครียด จริงอยู่ในช่วง 2 – 3 ปีแรกคุณอาจจะผ่อนไหวแต่หลังจากนั้นคุณอาจจะประสบปัญหาเพราะค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแต่รายรับเท่าเดิมทำให้ต้องมาเบียดบังเงินที่จะส่งบ้านบางเดือนคุณอาจจะไม่ส่งและเกิดปัญหาตามมาเป็นทอดๆคุณจึงต้องพิจารณาเงินเดือนของคุณด้วยถ้าไหวก็สามารถตัดสินใจมีบ้านได้เลยแต่ถ้าคิดว่าไม่ไหวก็ควรถอยดีกว่า   5.ย้ายที่ทำงานบ่อยๆ ในกรณีแบบนี้แนะนำว่าอย่าเพิ่งซื้อบ้านจะดีกว่าเพราะถ้าซื้อบ้านไปแล้วและไม่มีใครดูแลบ้านก็จะทรุดโทรมทางที่ดีคุณควรเก็บเงินก้อนไว้ก่อนและเมื่อคุณคิดว่าหน้าที่การงานของคุณนิ่งแล้วจึงค่อยพิจารณาในการซื้อบ้านจะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณตัดสินใจได้ถูกต้อง   ใครๆก็อยากมีบ้านแต่เราต้องดูความพร้อมของเราด้วยและดูเวลาของความพร้อมว่าควรจะเป็นช่วงไหนที่ควรเริ่มส่งบ้านได้เมื่อคุณมีความพร้อมอย่างเต็มที่แล้วการมีบ้านสักหลังก็เป็นเรื่องดีและจะไม่ทำให้คุณหนักใจในภายหลังอีกเลย  

การจัดสวนสไตล์วินเทจ เป็นการจัดสวนสุดคลาสสิกแนวย้อนยุค ซึ่งคำว่า                 “ Vintage” ตามรากศัพท์แล้ว หมายถึง คือการหมักบ่มไวน์ หรือ antique ที่แปลว่าเก่านั่นเอง โดยการจัดสวนไตล์วินเทจ มักจะเน้นความหวาน อบอุ่น และโรแมนติก สำหรับใครที่ชื่นชอบและหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของความเป็นวินเทจแล้วล่ะก็ การจัดสวนสไตล์นี้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้เป็นอย่างดีแน่นอนค่ะ เพราะการจัดสวนบริเวณรอบบ้านสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวล่ะค่ะ   มุมนั่งเล่นสไตล์วินเทจสุดคลาสสิก สร้างความโดดเด่นให้สวนสไตล์วินเทจของคุณด้วยโต๊ะ และเก้าอี้เหล็กดัดสีขาวที่มีลวดลายโค้งมนบนพื้นหญ้าสีเขียวขจี ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น ผ่อนคลาย โดยเน้นปลูกไม้ประดับสีเขียว เช่น เฟิร์น เดหลี จั๋งแคระ เป็นต้น และอาจปลูกไม้ดอกเพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มสีสันให้มุมนั่งเล่นสุดโปรดของคุณดูสดใสมีชีวิตชีวามากขึ้น เพียงเท่านี้คุณก็จะได้มุมนั่งเล่นที่แสนอบอุ่นและผ่อนคลายแล้วล่ะค่ะ   สวนดอกไม้สุดโรแมนติก เนรมิตความโรแมนติกให้สวนสไตล์วินเทจของคุณ โดยการจัดสวนดอกไม้แสนสวย              และนำอุปกรณ์อื่น ๆ เข้ามาเพิ่มความเก๋ให้สวนของคุณ เช่น ล้อเกวียน จักรยานเหล็กดัด             รากไม้ เป็นต้น โดยเลือกดอกไม้ตามที่คุณชอบและจัดแต่งตามสไตล์ของคุณ ความงดงาม และสีสันสดใสของดอกไม้จะช่วยทำให้สวนของคุณดูอบอุ่น และโรแมนติกสุด ๆ เลยทีเดียว   จัดมุมน่ารัก ๆ ในสวนสไตล์วิเทจด้วยของตกแต่งสุดคลาสสิก เพิ่มความน่ารัก อ่อนหวานให้กับสวนสไตล์วินเทจของคุณด้วยของตกแต่งสุดคลาสสิก เช่น รูปปั้นคิวปิด…

คงจะดีไม่น้อยถ้าสวนที่บ้านของคุณสามารถกินได้ด้วย วันไหนเข้าครัวแล้วนึกอยากได้ผักสด ก็สามารถตรงดิ่งไปยังสวนของคุณ เก็บผักมาทำกับข้าวได้อย่างสบายใจ แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังนึกภาพสวนสวยๆ ที่มีพืชผักสวนครัวไม่ออก เพราะส่วนมากแล้วผักสวนครัวจะไม่มีดอก ใบ หรือลำต้นที่มีสีสันสดใสสวยงามเหมือนไม้ดอกไม้ประดับ ทำให้กังวลว่าถ้ามีสวนผักอยู่หน้าบ้านจะดูดีหรือ จะทำให้ดูรกไปหรือเปล่า ดังนั้นวันนี้เรามีไอเดียจัดสวยกินได้แบบง่าย ๆ แต่ดูดีมีสไตล์มานำเสนอ เพียงคุณนำไอเดียเหล่านี้ไปจัดสวนที่บ้านของคุณ การมีสวนที่ทั้งสวย และกินได้ด้วยก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป การจัดสวนด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว อันดับแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ ขนาดพื้นที่ในสวนของคุณ ถ้าบ้านของคุณมีพื้นที่มากก็อาจทำแปลงผักสำหรับปลูก แต่หากมีพื้นที่จำกัดก็สามารถปลูกในกระบะ หรือกระถางได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผักชนิดนั้น ๆ และพื้นที่ของสวน   จัดสวนสวยกินได้โดยการทำแปลงผัก การทำแปลงผักไม่จำเป็นที่จะต้องทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมเพียงเท่านั้น คุณสามารถประยุกต์รูปทรงได้ตามความต้องการของคุณ โดยคำนึงถึงความเหมาะสม และความเป็นระเบียบเป็นหลัก เช่น อาจทำแปลงตามแนวถนนทางเดินเข้าบ้าน  บริเวณใกล้ ๆ กับขอบรั้วโดยทำเป็นแนวไปตามความยาวของรั้ว หรือทำเป็นรูปวงกลม หกเหลี่ยม รูปดาว เป็นต้น โดยผักที่เหมาะกับการทำแปลงผักคือ ผักกาดหอม โดยอาจจะเลือกปลูกผักกาดหอมคนละชนิดสลับกันในแปลงเดียว เพื่อเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับสวนของคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มความเก๋ โดยการนำอิฐดินเผามาวางรอบ ๆ แปลงจะช่วยทำให้แปลงผักของคุณดูสวยคลาสสิกขึ้นมาไม่น้อย   ปลูกผักในกระถาง หรือกระบะดีไซน์เก๋ ๆ…

ในปัจจุบันผู้คนนิยมอยู่อาศัยในคอนโดมากขึ้น เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสะดวกสบายในการเดินทาง การดูแลทำความสะอาดง่าย อยู่ใจกลางเมือง เป็นต้น ซึ่งการอยู่อาศัยในคอนโดที่มักจะมีพื้นที่จำกัดก็อาจจะเป็นปัญหาในเรื่องของพื้นที่ใช้สอย การตกแต่งห้องอย่างถูกวิธีจึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยทำให้ห้องดูกว้าง และเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น หลักสำคัญของการตกแต่งห้องขนาดเล็กทั่ว ๆ ไปที่เราทราบกันดีอยู่แล้วคือ การใช้ของตกแต่งน้อยชิ้น ซึ่งนอกจากการใช้ของตกแต่งน้อยชิ้นแล้ว ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น วันนี้มีเคล็ดลับการตกแต่งห้องในคอนโดให้ดูกว้างอย่างมีสไตล์มีนำเสนอ   เฟอร์นิเจอร์สำหรับการตกแต่งห้องขนาดเล็ก ข้อผิดพลาดหนึ่งในการตกแต่งห้องขนาดเล็กในคอนโดคือ การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่เกินไปจนทำให้ห้องดูแคบ และมีขนาดพื้นที่ใช้สอยลดลงไปอีก ดังนั้นควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเล็กและเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น เลือกโซฟา หรือเก้าอี้แบบที่มีโครงขาโปร่ง เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์โปร่งใส หรือมัลติฟังก์ชั่นที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเนื้อที่ และยังทำให้ห้องของคุณดูมีสไตล์น่าค้นหามากขึ้นอีกด้วย   แขวนผ้าม่านเพื่อทำให้ห้องดูกว้างขึ้น การแขวนผ้าม่านจากเพดานลงมาจะช่วยสร้างภาพลวงตาของความสูงและความลึกให้ห้องในคอนโดของคุณดูกว้างและมีมิติมากขึ้น โดยควรใช้ผ้าม่านโทนสีอ่อนอย่างสีเบจ สีเอิร์ธโทน สีพาสเทล สีโทนสว่าง ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้ห้องดูกว้างแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความสว่างอีกด้วย   ใช้กระจกเงาเพิ่มความกว้าง กระจกเงาสามารถสร้างภาพลวงตาให้ห้องของคุณดูกว้างขึ้นได้ โดยเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของกระจก หรือใช้กระงกเงาบานใหญ่แขวนที่ผนังห้อง ในมุมที่เหมาะสม หรืออาจเลือกใช้ของตกแต่งที่ทำจากแก้ว หรือมีพื้นผิวสะท้อนแสง โปร่งใส เพียงเท่านี้ห้องของคุณก็จะดูกว้างขึ้นทันที   โทนสีที่ใช้ตกแต่งห้องขนาดเล็ก…

ตามธรรมดาบ้านที่มีพื้นที่จำกัดจะนิยมการตกแต่งบ้านแบบเรียบง่าย ใช้ของตกแต่งน้อยชิ้นอย่างสไตล์มินิมอล (Mimimal) ซึ่งเป็นสไตล์การแต่งบ้านที่เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อย แต่ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้บ้านของคุณดูกว้างขึ้นได้คือ การใช้กระจกเงาเข้ามาตกแต่งบ้าน ซึ่งนับว่าเป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้บ้านหลังเดิมของคุณดูกว้างขึ้นมาทันที การใช้กระจกเงาในการตกแต่งภายในบ้านจะช่วยสร้างภาพลวงตาให้บ้านของคุณดูมีเนื้อที่กว้างมากขึ้น วันนี้มีไอเดียการตกแต่งบ้านด้วยกระจกเงาด้วยวิธีง่าย ๆ เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด หรือบ้านที่ต้องการเพิ่มความสวยเก๋มานำเสนอค่ะ ติดกระจกเงาที่ผนังห้องเพื่อขยายห้องของคุณให้ดูกว้างขึ้น สำหรับห้องที่ไม่มีหน้าต่างจะทำให้พื้นที่ดูแคบและอึดอัด การเพิ่มพื้นที่ให้ห้องดูโปร่งโล่ง สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงนำกระจกเงาขนาดใหญ่มาแขวนหรือวางไว้ที่ผนังห้องก็จะช่วยให้พื้นที่ดูกว้าง และทำให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น   ใช้กระจกเงาเพิ่มพื้นที่ในห้องน้ำของคุณ ห้องน้ำเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ภายในบ้านที่มักมีพื้นที่จำกัด การตกแต่งด้วยกระจกเงาจึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ โดยนำกระจกเงาบานใหญ่มาติดที่ผนังห้อง และบริเวณอ่างล้างหน้า เป็นต้น นอกจากจะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้ห้องน้ำของคุณดูกว้างขวางขึ้นมาทันตาแล้ว กระจกเงายังช่วยเพิ่มความสว่างให้ห้องน้ำของคุณอีกด้วย   เลือกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีกระจกเงา หากบ้านของคุณมีพื้นที่น้อย และไม่มีที่เพียงพอสำหรับวางหรือแขวนกระจกเงา การเลือกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีกระจกเงาก็สามารถช่วยเพิ่มพื้นที่ให้บ้านของคุณดูกว้างได้ เช่น ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของที่มีกระจกเงา หรือมีส่วนประกอบของกระจกใส เป็นต้น วางกระจกเงาไว้ใกล้กับโคมไฟ หรือบริเวณที่มีแสง เมื่อภายในบ้านของคุณมีพื้นที่จำกัดอยู่แล้ว และยังมีแสงสว่างไม่เพียงพอ             จะยิ่งทำให้พื้นที่ดูแคบมากขึ้น ซึ่งคุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยการวางกระจกเงาไว้ ใกล้ ๆ กับบริเวณที่มีหลอดไฟหรือโคมไฟ ความสว่างของแสงไฟจะสะท้อนกับกระจกเงาทำให้ห้องดูสว่างมากขึ้น แต่ไม่ควรวางกระจกไว้ในบริเวณที่มีแสงไฟหลายจุดมากเกินไป เพราจะทำให้ห้องมีแสงจ้า…